Green Carnation
Prompt : #1190 จากคุณ ปากกาหมึกซึมสีน้ำเงิน
Pairing: อี้ชิง / ชานยอล หรือจะ ชานยอล / อี้ชิง ก็ได้
Summary: ทนายหนุ่มไฟแรง ผู้ลี้ภัยทางการเมือง คาร์เนชั่นสีเขียว และไอศกรีมเชอร์เบ็ตรสมะนาว
Author Note(s): ขออภัย ถ้าหากเราตีความหมายของดอกคาร์ชั่นสีเขียวผิดไปจากเจตนาของคุณเจ้าของพล็อตนะคะ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เรื่องราวของเราหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นของไอศกรีมเชอร์เบ็ตรสมะนาว
...
ปาร์คชานยอลไม่ชอบกินของหวาน
แต่เขาชอบไอศกรีมเป็นชีวิตจิตใจ ...
แต่จางอี้ชิงกลับเป็นคนไม่กินของหวานเลยแม้แต่น้อย
...
ดังนั้น ไอศกรีมรสเปรี้ยวจี๊ดอมหวานแค่นิดเดียวจึงกลายมาเป็นทางเลือกของเราสองคนในที่สุด
พูดถึงเรื่องของเรา ...
ในมุมของเขา ไอศกรีมเชอร์เบ็ตรสมะนาวดูไม่น่าจะเข้ามามีบทบาทในเรื่องของเราสองคนได้เลย
เพราะมันทั้งไม่เปรี้ยวและไม่หวาน แต่กลับเต็มไปด้วยรสขมของสถานะทางสังคมที่เราทั้งคู่ต้องแบกรับเอาไว้เสียมากกว่า
ปาร์คชานยอลเป็นทนาย ... ใครๆพูดถึงเขาก็ต้องพ่วงคำว่าอนาคตไกล
ไปให้ด้วย
ส่วนจางอี้ชิงเป็นอดีตนักการทูตซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองในสังคมใหม่
เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ...
ไอศกรีมเชอร์เบ็ตรสมะนาวเข้ามามีบทบาทในตอนที่เราทั้งคู่เริ่มคบหากัน
แต่ก่อนหน้านั้น ในตอนที่เพิ่งเห็นหน้า ทำความรู้จัก สิ่งที่ทำให้เจอกันก็คือ
ดอกคาร์เนชั่นสีเขียวและออสการ์
ไวลด์
อัจฉริยะแห่งโลกวรรณกรรรม
ครั้งแรกที่เราเจอกัน ...
ชานยอลจำได้ว่าเขาไปร่วมงาน คนรักออสการ์
ไวลด์ ในบ่ายวันอาทิตย์เมื่อฤดูร้อนปี 2012 ... นักเขียน นักการละครชาวไอริชผู้โด่งดังและสุดจะอื้อฉาวในยุควิกตอเรียนอันเคร่งขรึม แน่นอนว่ามันไม่ใช่งานคนรักหนังสือธรรมดา
แต่มันมีความพิเศษมากกว่านั้น เพราะมันเป็นงานที่ถูกจัดขึ้นเพื่อรวมชาวรักร่วมเพศงานใหญ่ที่สุดงานหนึ่งแห่งปีอย่างลับๆ
ในงานถือได้ว่าเป็นงานปาร์ตี้
สังสรรค์ก็ยังได้ มีหนังสือและสื่อหลายประเภทให้ได้เลือกซื้อ และยังมีการแสดงรูปถ่ายต่างๆอีกด้วย
ในงานวันนั้นทุกคนแต่งตัวสวยงาม แตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะแตกต่างอย่างไร บนอกด้านซ้าย
จะชาย หญิงหรือเพศทางเลือกต่างก็ติดเข็มกลัดดอกคาร์เนชั่นสีเขียวด้วยกันทุกคน
ซึ่งถ้าหากใครที่ได้อ่านประวัติของออสการ์
ไวลด์จะเข้าใจว่าทำไม ...
ไวลด์มีรสนิยมทางเพศแบบชายรักชาย ลองคิดภาพดูสิ ยุควิกตอเรียนในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีชายคนหนึ่งได้ท้าทายความเชื่อหัวโบราณผ่านงานเขียนของเขา
การไว้ผมยาวแบบศิลปินและการติดดอกคาร์เนชั่นสีเขียวที่ปกเสื้อสูทจนต่อมามันกลายเป็นดอกไม้แทนความรักต้องห้ามที่ฝืนกฎแห่งธรรมชาติ
ออสการ์
ไวลด์กลายมาเป็นที่จดจำแต่ในขณะเดียวกันก็ถูกรังเกียจจากสังคมหัวโบราณที่ว่า
แต่จะว่าไป ชานยอลไม่คิดว่าคนอย่างไวลด์จะสนใจหรอก เพราะในตอนนั้น
เจ้าตัวกำลังโด่งดังจนถึงขีดสุด
แต่ท้ายที่สุดแล้วชื่อเสียงอาจจะเทียบไม่ได้กับความสะใจในความรู้สึกที่งานเขียนบทละครเสียดสีกลุ่มคนชั้นสูงได้รับความนิยมอย่างถล่มทะลาย
ไม่ว่าออสการ์ ไวลด์จะสูญเสียอะไรไปกับการเลือกเดินเส้นทางนี้
แต่อย่างน้อยก็มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าตัวทำสำเร็จ
เพราะไวลด์ทำให้สังคมตอนนั้นได้รับรู้ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับกรอบเก่าที่คนกลุ่มหนึ่งเป็นผู้กำหนดแต่อย่างใด
และด้วยความสัตย์จริง ...
ปาร์คชานยอลไม่คิดว่าจะพบเจอคนอย่างจางอี้ชิงในงานนั้นเลยสักนิด
แต่เราก็พบกัน ... ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างอึดอัดเลยก็ว่าได้
ในตอนนั้น ชานยอลจำได้ว่า เขาได้นำรูปถ่ายรูปหนึ่งที่ได้มาจากเมื่อครั้งไปเที่ยวประเทศจีน
ไปร่วมจัดแสดงด้วย ผู้คนต่างให้ความสนใจเพราะมันคือรูปของเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังก้มหน้าอ่านนิยายเกี่ยวกับรักร่วมเพศสุดอื้อฉาวที่ได้ตีพิมพ์เพียงเรื่องเดียวของไวลด์อย่าง
The picture of Dorian
Gray อย่างตั้งใจ
ในรูปแทบไม่เห็นเสี้ยวหน้าของเด็กคนนั้น
เห็นแต่ปลายจมูกโด่งและลักยิ้มบนผิวขาวสะอาด
มันไม่ได้เป็นรูปที่พิเศษอะไรมากมาย เป็นรูปถ่ายตอนเผลอๆของเด็กคนหนึ่ง
แถมยังเก่าเสียจนขอบเหลือง เขาไม่รู้ว่ามันผ่านเวลามานานเท่าไหร่
อาจจะสิบหรือยี่สิบปี แต่ตอนที่เห็นครั้งแรกนั้น ชานยอลตัดสินใจซื้อมันในทันที
... บางที นี่อาจจะเป็นสิ่งเล็กๆที่เขาทำให้ตัวเองได้
ร่างสูงเดินเรื่อยๆ เขาก้าวมาหยุดตรงหน้ารูปถ่ายที่กำลังจัดแสดงอยู่ของตัวเอง
ราวกับหนังม้วนเดิม ชานยอลจ้องมองมัน มองด้วยความหลงใหล มองเหมือนถูกมนตร์สะกด
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมจึงได้รู้สึกแปลกๆกับรูปนี้นัก
“ปาร์คชานยอล?”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นก่อนเสียงฝีเท้าจะดังตามมา ทำให้ชานยอลต้องหันกลับไปมองคนพูดในทันที
ก่อนจะพบว่าดวงตาสีดำสนิทของอีกฝ่ายจ้องมองตรงมาอยู่ก่อนแล้ว
อีกฝ่ายที่เขาพูดถึงคือชายหนุ่มรูปร่างสมส่วน ผิวขาวจัดโดดเด่นแต่กลับมีดวงตาสีดำสนิทล้ำลึกตัดกันอย่างมีเสน่ห์
ชายหนุ่มที่ว่า ... วันนี้เขาใส่สูทสีขาวหมดจด ผ้ามันวับไปทั้งตัว
สะอาดสะอ้านแต่ก็น่าแปลกที่ดูทรงพลังไม่ต่างจากสีดำเลยสักนิด
“ครับ?”
“คุณคือปาร์คชานยอล
เจ้าของรูปนี้ใช่ไหม” ชายหนุ่มแปลกหน้าถามอีกครั้ง
“ครับ
...”
ยืนเงียบกันไปพักหนึ่ง
แล้วน้ำเสียงนุ่มทุ้มติดเรียบๆคล้ายกับกำลังออกคำสั่งก็ดังขึ้นในที่สุด “งั้นก็ดี ถอดรูปนี้ออกจากงานจัดแสดงซะ”
ชานยอลแทบจะอ้าปากค้าง ...
เขาเลื่อนสายตามองคนแปลกหน้าอย่างถี่ถ้วนอีกรอบก่อนจะพบว่าชายหนุ่มสูทขาวไม่แม้จะหลบตาแต่อย่างใด
ยืนยันคำพูดของตัวเองอย่างหนักแน่นโดยการยืนนิ่ง จ้องตรงมา
สองมือล้วงกระเป๋าตัวเองอยู่เงียบๆ ในช่วงเวลาสั้นๆระหว่างอึ้งอยู่อย่างนั้น
ชานยอลสังเกตเห็นเพียง
ชื่อของชายหนุ่มแปลกหน้าบนบัตรผ่านคล้องคอและไม่มีดอกคาร์เนชั่นสีเขียวบนอกเสื้อสูทสีขาว
จางอี้ชิง ...
“แล้วทำไมผมต้องทำตามที่คุณบอกด้วย” เขาถามกลับ
“แล้วทำไมคุณถึงอยากเอามันมาโชว์ล่ะ
รูปนี้เก่าแล้ว เหตุการณ์นี้ก็เป็นอดีตไปแล้ว หลังจากรูปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป คุณรู้รึไม่
ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยครับ”
คราวนี้อี้ชิงเลิกคิ้วราวกับจะตั้งคำถาม
“คุณไม่รู้สินะ
... หลังจากรูปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป คนในหมู่บ้านของเด็กคนนี้ก็ถูกล่าแม่มด ใครที่ถูกสงสัยว่าเป็นพวกรักร่วมเพศ
ถูกจับมาทารุณให้ยอมรับสารภาพอย่างโหดเหี้ยม ถ้าคุณรู้อย่างนี้
คุณยังต้องการเอารูปที่เป็นต้นเหตุแห่งความตายมาจัดแสดงอีกงั้นหรือ?”
“นี่คุณ!” ชานยอลเสียงดัง
ทั้งเริ่มโกรธ ทั้งอายที่โดนคนแปลกหน้าตำหนิตรงๆเสียจนหน้าชา “ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี
ผมไม่รู้เรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ ที่ผมเอารูปมาจัดแสดงก็เพราะ ...
เพื่อให้คนที่ยังอยู่ ได้เห็นน่ะสิ”
อี้ชิงหัวเราะกับคำตอบของเขาในทันที
ชายหนุ่มยกหลังมือขึ้นป้องปากก่อนจะส่ายหัวอย่างอดไม่ได้ “ใครกันล่ะ ที่ยังอยู่”
ชานยอลเริ่มหัวเสียขึ้นมาบ้าง “ก็อาจจะเป็นคนในหมู่บ้านนั้นหรือเด็กในรูปก็ได้!”
อี้ชิงยิ้มอีกครั้ง คราวนี้มันช่างสุกใส
เต็มไปด้วยความขบขันอย่างแท้จริง
ดวงตาสีดำสนิทเต้นระริกก่อนรอยยิ้มจะกดลึกจนเห็นลักยิ้มบนใบหน้าขาวจัดของชายหนุ่มทั้งสองข้าง
... และในวินาทีสั้นๆที่มองกัน ลักยิ้มทั้งสองข้างนั้นก็ทำให้ชานยอลขนลุกขึ้นมาในทันทีเพราะมันเหมือนกับรอยยิ้มแต้มรอยบุ๋มของเด็กวัยรุ่นในรูปแบบไม่มีผิดเพี้ยน
“ชานยอล
... คุณนี่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการล่าแม่มดเลยสินะ”
แล้วชายในชุดสูทขาวก็เดินจากไป ... ทิ้งให้ปาร์คชานยอลยืนค้างอยู่อย่างนั้น
ส่วนครั้งที่สองที่เราเจอกัน
ก็เพราะมีเบอร์โทรปริศนาติดต่อเข้ามาขอซื้อรูปเจ้าปัญหา
ชานยอลรู้ได้ในทันทีว่าเป็นจางอี้ชิงอย่างแน่นอน
เรานัดเจอกันในคาเฟ่ใกล้ๆสำนักทนายความของเขา วันนี้อี้ชิงใส่สูทสีเทาเข้มพร้อมกับบอดี้การ์ดอีกสองสามคน
โอ้ ... ตอนนั้น เขานึกว่า ตัวเองเผลอไปเหยียบเท้าเจ้าพ่อเข้าให้แล้ว
พูดตามตรง ชานยอลอยากจะโค้งขอโทษชายหนุ่มสักร้อยครั้ง แต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นอีกแบบ
ชานยอลได้เรียนรู้ว่าจางอี้ชิงช่างเต็มไปด้วยพรสวรรค์ด้านการพูดพร้อมภาพลักษณ์ปัญญาชนในแบบชนชั้นสูงอย่างแท้จริง
แต่ละบทสนทนาเต็มไปด้วยไหวพริบ แต่ชีวิตของอี้ชิงมีจุดด่างเพียงจุดเดียวนั่นก็คือการที่เจ้าตัวต้องมาตั้งรกรากใหม่ภายในประเทศของเขาก็เพราะเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง
ครั้งที่สาม
เรานัดเจอกันในร้านอาหารเล็กๆแถวชานเมือง นั่งพูดคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อย
ชานยอลขับรถยนต์ส่วนตัวมา อี้ชิงเองก็เช่นกัน แต่หลังจากอาหารมื้อหนักผ่านไป
บนโต๊ะเล็กๆที่คั่นกลางระหว่างเราก็มีถ้วยไอศกรีมเชอร์เบ็ตรสมะนาวตั้งอยู่
ไม่รู้เป็นเพราะบรรยากาศหรือเพราะอะไร
ใบหน้าขาวจัดก็ค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนริมฝีปากของเราจะบรรจบกันในตอนที่พนักงานเดินหายไปหลังร้าน
ก่อนกลับ อาจจะเป็นเพราะเมารักหรือเมาไอศกรีม
ชานยอลก็ได้แต่พยักหน้าในตอนที่อี้ชิงกระซิบกระซาบอยู่แถวๆหลังใบหูว่าเจ้าตัวจะเป็นคนขับรถไปส่งเขาที่บ้านเอง
ดวงตาก็ได้แต่มองบอดี้การ์ดของท่านอดีตนักการทูตขับรถของเขากลับไปให้
ครั้งที่สี่
อี้ชิงเชิญเขาไปทานอาหารเย็นที่บ้าน
เริ่มต้นด้วยสปาเกตตี้คนละจานกับซุปและไวน์แดงสองขวด
แต่จบลงด้วยการที่เขานอนสบตากับเพดานในยกแรก ตัวสั่นกับสัมผัสที่ห่างหายไปนาน
แต่ยกที่สอง ในตอนที่คิดว่าตัวเองคงจะไม่มีแรงเหลืออีกต่อไป เขาก็ได้เห็นอี้ชิงเป็นฝ่ายนอนสบตาทั้งกับเขาและเพดานบ้างในที่สุด
และหลังจากตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ถึงแม้ที่นอนข้างกายจะว่างเปล่า
แต่บนหมอนอีกใบกลับมีดอกคาร์เนชั่นสีเขียวสดวางอยู่พร้อมกับกระดาษโน๊ตใบเล็กๆเขียนด้วยลายมือเป็นระเบียบเรียบร้อยว่า
เจ้าของมันมีธุระด่วนต้องรีบไปจัดการ แต่กลับกำชับนักหนาให้ชานยอลอยู่รอกินมื้อสายด้วยกัน
ส่วนครั้งที่สี่ ที่ห้า ที่หก หรือจะที่เจ็ด ที่แปด มันช่างเลือนราง
...
เพราะทั้งเขาและอี้ชิงต่างก็ใช้อยู่ด้วยกันแทบทุกวัน
เป็นแบบนี้มาจะสี่ปีอยู่แล้ว
แต่คืนนี้เขาว่าจะชวนอี้ชิงอ่าน The picture of Dorian Gray อีกสักรอบ
ขนาดตัว ออสการ์ ไวลด์
ผู้เขียนยังเคยกล่าวถึงผลงานสุดอื้อฉาวของตัวเองเอาไว้ว่า ‘หนังสือที่คนทั้งโลกเรียกว่าหนังสือที่ไร้จริยธรรมนั้น
แท้จริงแล้วเป็นหนังสือที่แสดงให้คนทั้งโลกเห็นถึงความอัปยศของพวกเขาเอง’
หลังจากเขียนหนังสือเล่มนั้น ออสการ์ ไวลด์
ถูกตัดสินจำคุกและพร้อมทั้งใช้แรงงานอย่างหนัก
เนื่องจากถูกฟ้องในข้อหากระทำการสังวาสอย่างผิดธรรมชาติหรือถ้าพูดให้เข้าใจอย่างง่ายๆก็คือ
เป็นพวกรักร่วมเพศ ในสมัยนั้นถือว่าผิดกฎหมาย – อย่างหนัก
ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายหรือกฎหมู่ของสังคมก็ตาม
... ชานยอลถอนหายใจ
เขาย้อนคิดมาถึงตัวเอง จริงอยู่
ที่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว แต่รากฐานทางความคิดของคนในสังคมซึ่งถูกปลูกฝังต่อๆกันมา
มันจะเปลี่ยนได้จริงหรือ?
ใจเขา อยู่กับอี้ชิง เขารู้ เจ้าตัวก็รู้
แล้วคนอื่นจะรู้ด้วยหรือไม่ ในเมื่อภาพในจินตนาการของคนรอบข้างมองเห็นปาร์ค
ชานยอลกับผู้หญิงที่เพียบพร้อมไปทุกอย่าง
หรือถ้าหากไม่ใช่ผู้หญิง ...
ก็คงเป็นเด็กหนุ่มที่พร้อมจะผลักดันอาชีพทนายของเขาให้เจริญก้าวหน้า
ไม่ใช่ผู้ชายแบบจาง อี้ชิง ผู้ซึ่งมีรอยด่างพร้อยดวงใหญ่อยู่ในประวัติชีวิต ชานยอลเป็นทนาย
โอ้ ... และเขารู้ดีเชียวล่ะ ต่อให้อี้ชิงมีอำนาจล้นฟ้าติดตามมาจากที่ๆชายหนุ่มจากมา
แต่การอยู่อย่างผู้ลี้ภัยทางการเมืองในประเทศอื่น มันก็ไม่ต่างอะไรกับประชากรชั้นที่สองหรอก
ก็เหมือนโดนริบ สิทธิ เสรีภาพ
ความชอบธรรมและเกียรติยศ ศักดิ์ศรีไปครึ่งหนึ่ง ...
และช่วยไม่ได้จริงๆที่ชานยอลนึกสงสัย
ตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับชีวิต หน้าที่การงานของเขา
ชานยอลสงสัยว่าเขาจะกลายเป็น ออสการ์ ไวลด์ คนต่อไป
ตัวเขาจะมีจุดจบเหมือนกับนักเขียนคนโปรดด้วยหรือไม่
ถ้าหากเรื่องของเขากับอี้ชิงถูกเผยแพร่ออกไป
สังคมในปี 2016 ...
จะตัดสินเรื่องราวของเราอย่างไร ?
The end
----------------------------------------
#exoficfest
GUESS WHO?
รู้ไหมว่าใครเขียน
ไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น