Forbidden Love
Prompt : 77 ttyh
Pairing : Sehun / Kyungsoo
Summary : รักต้องห้าม
Author : มลินค่ะ
Pairing : Sehun / Kyungsoo
Summary : รักต้องห้าม
Author : มลินค่ะ
Song : Kei (Lovelyz) – Love
moves on
โดคยองซูมักจะมีคำตอบให้โจทย์บนกระดานหรือโปรเจ็คเตอร์หน้าชั้นเรียนอยู่เสมอ
แต่เขาไม่เคยหาคำตอบให้ความรู้สึกตัวเองได้เลย
ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร ไม่รู้ว่าควรทำหน้าอย่างไร
เวลาอยู่ต่อหน้าโอเซฮุน คนที่เขารู้สึกมากกว่าพี่น้อง
“วันนี้ก็อร่อยอีกแล้วนะคยองซู”
คนถูกชมเพียงขยับริมฝีปากเล็กน้อยเพื่อให้พ่อเห็นว่าเขากำลังรู้สึกดี
แม้ว่าการยิ้มมันจะกลายเป็นความจำเป็นไปแล้วเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับบ้านหลังนี้
รวมถึงการนั่งมองไข่ม้วนที่ไหม้ไปเล็กน้อยเพราะเผลอใจลอยระหว่างทำ
กับซุปกิมจิที่ท่านบอกให้ทำเพราะน้องชายต่างแม่ชอบนักหนาแม้ว่าครึ่งตัวหมอนั่นจะมีเชื้อฝรั่งอยู่ครึ่งหนึ่ง
“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มต่ำกล่าวพร้อมรวบตะเกียบวางคู่กันและวางช้อนยาวอย่างเรียบร้อย
คนเจริญอาหารไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเขา
แต่หมอนั่นกลับเงียบเพื่อรอให้พ่อบอกว่ามื้อเช้าของเราสิ้นสุดลงแล้ว
“You ate
all what he made, lately. You like it, Do you?” (ชอบฝีมือพี่ใช่ไหม
พักหลังพ่อเห็นกินหมดทุกวัน)
โอเซฮุนไม่ได้ตอบเพื่อเอาใจหรือตอบเพื่อให้เราทั้งคู่รู้สึกอึดอัดต่อกันมากไปกว่านี้
คนตัวสูงเพียงยิ้มให้พ่อ และหันมาสบตากับเขาราวกับอยากรู้ว่าตอนนี้สีหน้าของโดคยองซูกำลังเป็นอย่างไร
และไม่เคยเกินสามวินาทีด้วยซ้ำ โดคยองซูก็เป็นฝ่ายหลบสายตาและหาความจำเป็นรอบด้านมากลบเกลื่อน
อย่างเช่นตอนนี้ที่เขากำลังรวบรวมจานชามเข้าไปล้างในห้องครัวเพื่อหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้โอเซฮุน
“คยองซู”
“ครับ?”
“ไปมหาลัยพร้อมเซฮุนเลยสิ วันนี้เรียนตัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ?”
“...”
คยองซูหันไปมองพ่อเพียงครู่เดียวก็ต้องเปลี่ยนไปสบตากับน้องชายต่างแม่
แม้ว่าสีหน้าของเขาจะไม่ต่างไปจากเดิมนัก
แต่คนอย่างหมอนั่นก็คงรู้ได้ไม่ยากว่าตอนนี้โดคยองซูกำลังไม่สบอารมณ์แค่ไหน
พ่อของเขาน่ะหรือจะสนใจว่าตารางเรียนแต่ละวันของลูกชายเป็นอย่างไร
เว้นแต่ว่าโอเซฮุนจะเล่าให้ท่านฟังเอง ให้ตายสิ ทั้งที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้อยู่ใกล้อีกฝ่ายแล้วแท้
ๆ แต่ทำไมเซฮุนถึงทำให้มันเป็นเรื่องยาก
ทุกอย่างแย่ลงตั้งแต่หลังงานศพแม่สี่เดือน
วันที่พ่อบอกเขาว่าความจริงแล้วท่านมีภรรยาอีกหนึ่งคนเป็นชาวต่างชาติซึ่งแม่ก็รู้เรื่องนี้มาตลอด
น่าตลกดีที่ท่านบอกว่าแคร์ความรู้สึกลูกชายคนนี้นักหนา
ถึงได้เลือกเก็บความลับเรื่องนี้ไว้ก่อนจะปล่อยมันออกมาในวันที่แม่จากไปแล้ว
แต่ความจริงมันอาจจะไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้
เพราะคยองซูไม่ใช่เด็กหัวรั้นที่จะไม่มีวันเปิดใจยอมรับครอบครัวใหม่ แต่มันอาจจะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจสักหน่อย
พ่อบอกว่าเด็กคนนั้นอายุน้อยกว่าเขาสองปี แต่เทียบโอนเข้ามหาลัยจนตอนนี้เรียนอยู่ปีสอง
ซึ่งก็เท่ากับว่าเราอยู่รุ่นเดียวกัน
และพระเจ้าก็ได้บอกให้รู้ว่าการพยายามทำความเข้าใจของโดคยองซูมันช่างสูญเปล่า
เพราะสุดท้ายแล้วการมีน้องชายก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องการ เมื่อเด็กคนนั้นคือโอเซฮุน
เพื่อนในคณะที่กำลังรู้สึกดีต่อกันมากเกินกว่าเพื่อน
มันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนขึ้นปีสอง
เพราะกิจกรรมที่ต้องทำเพื่อน้องปีหนึ่ง
ทั้งคู่จึงมีโอกาสพูดคุยกันมากกว่าตอนปีหนึ่งที่ต่างคนต่างเรียนเพราะอยู่คนละกลุ่ม
เซฮุนเป็นหนุ่มฮอต เพราะรูปร่างส่วนสูงที่ดูดีเหมือนนายแบบ อีกทั้งยังหล่อเพราะมีความลูกครึ่ง
สาว ๆ จึงตามติดแจ แต่หมอนั่นก็แค่ยิ้มตาหยีแล้วบอกทุกคนว่าเป็นเกย์
ไม่มีใครเชื่อ
จ้างให้ก็ไม่... หนึ่งในนั้นคือเด็กแก่เรียนอย่างคยองซูที่นั่งอยู่ข้างหน้าสุดซึ่งเห็นคาตาว่าหมอนั่นแอบมองก้นแน่น
ๆ ของอาจารย์หุ่นแซ่บตอนยืนพรีเซนท์งานกลุ่มหน้าชั้นเรียน เล่นเอาเพื่อน ๆ
ที่นั่งดูอยู่กลั้นขำกับความทะเล้น แต่ก็นั่นแหละ มีอาจารย์สาวสวยก็ต้องมีอาจารย์แก่คราวแม่หัวโบราณในรายวิชาอื่น
ๆ โอเซฮุนจึงถูกเรียกออกไปสรุปบทเรียนในช่วงท้ายคาบ อาจจะเพราะแอบหลับบ้าง
กวนประสาทอาจารย์บ้าง ซึ่งหมอนั่นไม่เคยจะตอบได้
คยองซูยังจำครั้งแรกที่หมอนั่นหันมาสบตากันพร้อมขยับปากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็พอเข้าใจได้ว่าโอเซฮุนกำลังต้องการความช่วยเหลือ
และมันบ้ามากที่เขาพยายามช่วยแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
เราแทบจะไม่มีบทสนทนาต่อกัน
มากสุดก็แค่ถูกขอยืมปากกาก่อนเข้าห้องสอบเท่านั้น
โอเซฮุนเป็นลูกครึ่งโดยเนื้อแท้จริง ๆ ไม่ว่าจะทางสายเลือดหรือนิสัย อะไร ๆ
ก็ดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไปหมด หลังจากตอนนั้นทั้งคู่ก็เจอกันบ่อยขึ้น
ไม่ว่าจะตอนเรียนเสร็จ ออกไปกินข้าว หรือแม้แต่ตอนกลับบ้าน
ทุกอย่างล้วนเป็นความบังเอิญที่เราหันไปสบตากัน และทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คยองซูไม่คิดว่ามันคือความสนใจ
แต่ที่อยากรู้เรื่องของผู้ชายคนนั้นก็เป็นเพราะความอยากรู้
ซึ่งเพื่อนในกลุ่มก็เล่าให้ฟังว่าแม่ของเซฮุนเป็นเมียน้อย ทั้งคู่อาศัยอยู่อเมริกาตั้งแต่เด็กก่อนเซฮุนจะย้ายมาเรียนมัธยมที่เกาหลี
เซฮุนเป็นคนร่าเริงจึงมีเพื่อนเยอะแต่กลับไม่มีเพื่อนสนิทเลยสักคนเดียว
กระทั่งตอนขึ้นปีสองที่จำเป็นต้องทำกิจกรรมร่วมกัน คืนนั้นคยองซูอยู่ทำอุปกรณ์กับเพื่อนอีกสี่คนในขณะที่คนอื่นขอกลับไปพักผ่อนก่อน
ประมาณเที่ยงคืนเห็นจะได้
เซฮุนก็กลับมาที่คณะเพราะลืมของไว้ เขาไม่คิดว่าคนอย่างหมอนั่นจะมีน้ำใจยื่นมือมาช่วย
และคำถามว่า ‘เหนื่อยไหม?’ กับ ‘ง่วงเปล่า?’ ก็เป็นแค่การแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเพื่อที่จะได้กลับบ้านอย่างไม่รู้สึกผิด
แต่มันไม่ใช่...
เพราะหลังจากนั้นประมาณยี่สิบนาทีหมอนั่นก็กลับมาพร้อมถุงพลาสติกสีดำซึ่งข้างในนั้นเต็มไปด้วยเครื่องดื่มและขนมหลายอย่าง
เซฮุนไม่ได้แสดงน้ำใจเพียงเท่านั้น
แต่กลับนั่งลงช่วยเพื่อนตัดนู่นนี่นั่นแม้ว่าจะไม่ถนัด ความซื่อบื้อของหมอนั่นทำให้คยองซูนึกเป็นกังวลจึงทำให้ละสายตาหันไปมองอยู่หลายหน
สุดท้ายก็พลาดถูกคัตเตอร์บาดมือจนได้
แผลไม่ลึกมาก
แต่เลือดที่ไหลออกมาอาบนิ้วก็ทำให้ต้องรีบวิ่งไปในห้องน้ำ ซึ่งพอรู้ตัวอีกทีก็เห็นว่าเซฮุนตามมาด้วย
หมอนั่นไม่ได้ถามว่า ‘เป็นไรมากไหม?’
ตามมารยาท แต่กลับยิ้มทะเล้นแล้วบอกว่า ‘นี่แหละผลของการเอาแต่มองฉัน’
...เขาอยากฟาดหมอนี่แรง
ๆ สักครั้งเสียจริง
เรานิสัยไม่เหมือนกันเลย...
ไม่สักนิด
แต่น่าแปลกที่เขาและเซฮุนกลับอยู่ด้วยกันได้
และพูดคุยกันบ่อยขึ้นจนถึงขั้นไปไหนมาไหนด้วยกัน ตั้งแต่กินข้าว
ช่วยติวรายวิชาที่เซฮุนไม่ถนัดซึ่งก็แทบจะทุกวิชา คยองซูปฏิเสธไม่ได้เพราะลูกอ้อนของหมอนั่น
และพยายามคิดในแง่ดีว่าจะได้ทบทวนบทเรียนไปด้วย เราจึงใช้เวลาร่วมกันพอสมควรในวัน
ๆ หนึ่ง
แต่การไปดูหนังด้วยกันมันชักจะแปลก
ๆ และยิ่งเห็นว่าเซฮุนแต่งตัวหล่อ เซ็ทผมมาเป็นอย่างดีพร้อมยิ้มกว้างตอนเห็นว่าเขาไปถึง...
บ้าน่ะ... ทำไมเหมือนว่าเรากำลังเดทกันยังไงก็ไม่รู้สิ
‘ดูเรื่องนี้ไหม?’
‘นายอยากดูหนังฆาตกรรมเหรอ?’
‘หรือว่านายไม่อยาก?’
‘อ้อ เปล่า เราดูได้นะ’
‘ไม่ชอบเหรอ’
‘ก็ไม่เชิง แต่เราไม่ค่อยชอบฉากปาดคอเลือดสาดสักเท่าไหร่ มันหวาดเสียวแปลก
ๆ’
‘อ่า งั้นไม่เป็นไร ดูเรื่องอื่นกัน’
‘แต่นายอยากดูเรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ’
‘แล้วไง หรือว่านายจะยอมดูหนังฆาตกรรมเลือดสาดกับฉันล่ะโดคยองซู’
‘...’
‘เลือกเรื่องที่นายอยากดูสิ ฉันดูได้หมดนั่นแหละ’
เหมือนจะบังคับแต่สุดท้ายก็ตามใจเขาเสียอย่างนั้น
คยองซูยืนนิ่งพลางมองด้านข้างของผู้ชายหน้าตาดีที่ทำให้ตั้งคำถามว่าเพราะอะไรโอเซฮุนถึงมายืนอยู่ตรงนี้กับเด็กแก่เรียนอย่างเขาซึ่งเป็นผู้ชายด้วยกันแทนที่จะเป็นผู้หญิงสวย
ๆ สักคน
น่าแปลกที่โดคยองซูยอมดูหนังฆาตกรรมสยองขวัญเรื่องนั้นเพราะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้
และระหว่างที่ดูหนังหัวใจของเขาก็ไม่เคยเต้นตามจังหวะอย่างที่มันควรจะเป็นเลยสักนิด
ทั้งที่โรงหนังมันหนาวจนทำให้มือเย็นไปหมด แต่คยองซูกลับรู้สึกร้อนผ่าวไปหมดเพียงเพราะรู้ตัวว่าเผลอบีบมือเซฮุนไว้เพราะความกลัว
ใบหน้าคมหันมามองเขา
คาดว่าคงถูกล้อและเห็นรอยยิ้มบ้า ๆ ของอีกฝ่ายแน่ แต่คยองซูคิดผิด เพราะเซฮุนเพียงขยับมือเล็กน้อยเพื่อบอกให้เขาปล่อยเท่านั้น
คนตัวเล็กรู้สึกใจหายพิลึก แต่ก็แค่วินาทีเดียวเซฮุนก็หงายมือออกและมองมาราวกับบอกให้จับมือกัน
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่คยองซูทำอะไรลงไปโดยไม่คิดให้ดีก่อน
คนตัวเล็กไม่ได้คิดเลยว่าหลังจากปล่อยมือกันแล้วทั้งคู่จะมองหน้ากันอย่างไร เขารู้สึกเหมือนจะเป็นไข้เพราะร่างกายมันร้อนจนเหงื่อออกที่มือ
แต่เซฮุนกลับนั่งดูหนังไปเรื่อย ๆ
พร้อมสอดประสานเรียวนิ้วจนแทบไม่เหลือให้อากาศวิ่งผ่านฝ่ามือของเรา
ฉากเพื่อนนางเอกโดนลากไปทรมานและปิดท้ายด้วยการเอาเลื่อยตัดคอนั้นมันน่ากลัวจนต้องหลับตาแน่น
ตอนนั้นเขาจึงรู้สึกได้ถึงมือเย็น ๆ อีกข้างของเซฮุนที่เอื้อมมาปิดตาเขาไว้
เสียงกรี๊ดบนจอใหญ่เงียบไปหลังจากตัวละครตาย
อีกฝ่ายจึงปล่อยมือออกเล็กน้อยและเราก็สบตากัน
หนังยังคงดำเนินเข้าหาฉากไคลแม็กซ์
แต่โอเซฮุนกลับเลือกจ้องตาเขามากกว่าหันไปสนใจสิ่งที่อยากดู คยองซูจะแย่อยู่แล้ว
เขาไม่สามารถสบตากับอีกฝ่ายได้นานไปกว่านี้อีก จึงเบือนหน้าไปอีกทางก่อนจะถูกเชยคางให้หันกลับมาจูบกัน
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก
สมองของคนตัวเล็กนั้นว่างเปล่าราวกับว่าทุกอย่างหยุดนิ่ง ลิ้นของเซฮุนมีกลิ่นมินต์
มันทั้งอุ่นและหอมหวานจนทำให้คนเงอะงะอย่างเขาแทบระเบิดตายอยู่ตรงนั้น
หนังจบจนเครดิตขึ้นบนจอสีดำ
ผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างทยอยกันออกไปข้างนอกจนเหลือเพียงเราสองคน
เซฮุนยังไม่ยอมปล่อยมือและจับแน่นยิ่งขึ้นเมื่อเขาทำท่าว่าจะ ชักมือกลับ ใบหน้าคมหันมาสบตากันอีกครั้ง
พร้อมยิ้มบาง ๆ โดยที่เขาหาคำตอบไม่ได้ว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นเซฮุนกำลังคิดอะไร
รู้มาตลอดชีวิตว่าตัวเตี้ย
และเหมือนว่าอีกฝ่ายจะตอกย้ำว่าเขาตัวเล็กนิดเดียวจนไม่สามารถปกป้องใครได้ ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ที่ร่างของคยองซูถูกกักไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างของเซฮุนบนรถไฟใต้ดินที่ผู้คนมากมายต่างเบียดเสียดแออัดกันตอนหัวค่ำ
ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นท่ามกลางความขลาดอาย
นอกจากคนที่ได้นั่งแล้วคยองซูคงเป็นคนเดียวที่สบายกว่าใครเพราะมีคนตรงหน้าคอยกันไว้ให้
แต่พอประตูรถไฟเปิดออกช่องว่างที่เคยมีต่อกันก็แคบลงเมื่อผู้คนเบียดเสียดเข้ามาเพิ่ม
ร่างกายของคยองซูจึงแทบจมหายเข้าไปในอกของเซฮุน... เขาแอบต่อว่าตัวเองอยู่ลึก ๆ
ที่เผลอรู้สึกดีจนไม่อยากผละออก
‘ใช้แชมพูกลิ่นกุหลาบอย่างกับผู้หญิง... อ๊า!’
สมน้ำหน้าแล้ว...
คยองซูทุบอกอีกคนแรง ๆ ไปหนึ่งทีข้อหาพูดจากวนประสาท แต่เซฮุนกลับหัวเราะในลำคอและกดจมูกลงมาบนศีรษะของเขาอีกครั้งอย่างไม่กลัวโดนทุบ
และที่น่าตลกคือไม่เขายอมให้เป็นไปอย่างนั้น
ระหว่างทางเราเอาแต่กระซิบคุยกันราวกับกลัวใครได้ยิน
คยองซูเอาแต่ยืนก้มหน้าก้มตาในอาณัติคนตัวสูง และฟังเรื่องราวที่ทำให้ใจเต้นซ้ำ ๆ
จนอยากให้ทุกอย่างหยุดแค่นั้นก่อนที่เขาจะต้านทานความรู้สึกที่มีต่อโอเซฮุนไม่ไหว
ที่รู้ว่าต้องปิดตาให้เมื่อไหร่ก็เพราะว่าหมอนั่นเคยดูมาก่อนแล้ว
ซึ่งคยองซูไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอยากดูรอบสอง และเซฮุนก็ให้เหตุผลว่าอยากดูหนังเรื่องที่ชอบกับคนที่ชอบ
ในที่สุดโดคยองซูก็ตายเพราะคำพูดของโอเซฮุนอีกครั้ง
หลังจากวันนั้นอีกฝ่ายก็รุกหนักขึ้น
ชนิดว่าเมื่อไหร่ที่เริ่มมีความคิดไม่ตรงกันและคำว่า ‘เพื่อน’ ถูกยกขึ้นมาใช้คยองซูก็จะถูกจูบปิดปากทันที
เซฮุนเป็นคนปากไวมือไว
มีครั้งหนึ่งเราจูบกันนานกว่าทุกครั้งและดูเหมือนว่าเซฮุนจะหยุดไม่ได้ วันนั้นเราเกือบมีอะไรกันในห้องสมุด
เพราะถ้าไม่ได้ยินเสียงหนังสือตก
เขาและเซฮุนอาจจะเกินเลยกันไปแล้วก็ได้
เซฮุนตั้งใจเรียนมากขึ้น
ส่วนคยองซูก็เปิดโลกมากกว่าที่เคยโดยการออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกด้วยกัน
เรายังคงสถานะความเป็นเพื่อนแต่รู้สึกต่อกันมากกว่านั้น
จนถึงขั้นเปิดอกคุยกันในทุก ๆ เรื่อง
เซฮุนเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟังว่าเกิดมาก็เห็นพ่อแทบจะนับครั้งได้
เพราะท่านเป็นคนเกาหลี ส่วนแม่เป็นคนอเมริกัน
คนตัวสูงเติบโตที่แคลิฟอร์เนียก่อนจะย้ายมาเรียนมัธยมที่เกาหลีอย่างที่คยองซูเคยได้ยินจากปากคนอื่นมาจริง
ๆ แต่ที่ไม่เคยได้ยินก็คือความเหงาและขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ ซึ่งโอเซฮุนไม่เคยแสดงมุมนี้ให้ใครได้เห็นมาก่อน
ที่ย้ายมาอยู่โซลเพราะพ่ออยากดูแลใกล้
ๆ และเซฮุนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องอยู่โรงเรียนประจำทั้ง ๆ
ที่จุดประสงค์หลักที่บินข้ามประเทศมาก็คือการได้อยู่กับพ่อ
ซึ่งท่านก็ให้เหตุผลแบบปล่อยผ่านว่างานยุ่ง
จึงจำเป็นต้องให้เซฮุนอยู่ที่นั่นเสียก่อน
แต่พอเข้ามหาลัยพ่อก็ยังเอาเหตุผลเรื่องงานยุ่งมาอ้าง
ว่าจำเป็นต้องย้ายไปประจำการที่ต่างจังหวัด ซึ่งเซฮุนคงไม่สะดวกย้ายไปไหนมาไหนด้วย
จึงได้เจอพ่อเดือนละครั้งสองครั้ง
รวมถึงเรื่องนามสกุลที่ไม่รู้ว่าเป็นนามสกุลใคร
ทำไมท่านถึงไม่ยอมให้ใครนามสกุลเดียวกัน
พ่อมีความลับและเรื่องที่ไม่อยากอธิบายอีกเยอะ
ซึ่งเซฮุนคงไม่ได้คำตอบเว้นเสียแต่ว่าท่านจะยอมเล่าเอง
ตอนที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดคยองซูเพียงกุมมืออีกฝ่ายไว้แน่น
ๆ เพื่อบอกให้รู้ว่ายังมีเขาอีกคนที่อยู่ตรงนี้
และใบหน้าหล่อลูกครึ่งฝรั่งก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดีและทิ้งตัวลงนอนบนตักพร้อมพึมพำเบา
ๆ ว่า ‘ฉันโชคดีจริง ๆ ที่มีคยองซู’
ซึ่งเขาก็คิดอย่างนั้น
แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะโชคดีมากถึงขนาดที่จะได้รู้ว่าเรามีเลือดเนื้อเดียวกันอยู่ครึ่งหนึ่ง...
ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือตั้งแต่วันแรกที่รู้ความจริง
ทั้งคยองซูและเซฮุนต่างรับไม่ได้และช็อกจนไม่สามารถหันหน้าเข้าหากันเพื่อทุเลาความตกใจ
บ้านสองชั้นที่เคยมีเพียงพ่อแม่ลูก แต่พอแม่จากไปตระกูลโดก็ได้ลูกชายเข้ามาเพิ่มอีกคน
เซฮุนย้ายเข้ามาอยู่ห้องข้าง
ๆ ซึ่งมีประตูเชื่อมต่อหากันได้ เพียงคืนเดียวเท่านั้นที่เราปล่อยให้ตนเองอยู่กับความเงียบ
หลังจากตั้งสติและปรับตัวเข้ากับครอบครัวใหม่ได้เซฮุนก็เข้ามาหาเขากลางดึก เราไม่กล้าแตะเนื้อต้องตัวกันเหมือนอย่างเคย
ไม่สามารถสบตากันได้นานและสุดท้ายก็จบด้วยกันมองไปที่อื่น
คำว่าพี่น้องยังคงค้ำคอ
คยองซูจึงบอกให้อีกฝ่ายออกไปแต่เซฮุนกลับตรงเข้ามากอดเขาพร้อมกระซิบเสียงพร่าว่า ‘อย่าไล่ฉัน...’
คนหนึ่งผลักไส
อีกคนดันทุรังยื้อไว้ หัวใจของเราทั้งคู่บอบช้ำด้วยสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้
จูบของเซฮุนไม่เคยเจ็บปวดถึงขนาดนี้ และทุกอย่างก็หยุดลงเมื่อคยองซูผละออกตะโกนลั่นว่า
‘มันจบลงแล้ว!’
“วันนี้กินข้าวเย็นกันเองนะ พ่อคงค้างอยู่ที่ทำงานเลย”
“ครับ” เซฮุนเป็นฝ่ายขานตอบเพื่อไม่ให้พ่อรู้สึกได้ถึงความอึดอัด
วันนี้เป็นครั้งแรกที่เราไปเรียนด้วยกันเพราะคำสั่งของพ่อ
ซึ่งคยองซูจำต้องขึ้นไปบนรถเพื่อให้ท่านสบายใจ
“จอดมินิมาร์ทด้วย เราจะลงตรงนั้น”
“...”
“เซฮุน”
“...”
“ไม่ได้ยินที่พูดเหรอ”
“คราวนี้อยากให้ฉันได้ยินแล้วหรือไง?”
“...”
คยองซูนั่งนิ่ง
ไม่แม้แต่จะผลักไหล่กว้างแรง ๆ หลังจากถูกกวนประสาท
เซฮุนยังคงทอดสายตาไปยังถนนเบื้องหน้า ยังไม่มีใครชินกับสถานะที่เปลี่ยนไปแม้ว่าเรายังไม่เคยตอบปากตกลงว่าจะเป็นแฟนกัน
แต่การเปลี่ยนสถานะมาเป็นพี่ชายน้องชาย
มันก็ยากเกินกว่าจะทำเหมือนมันเป็นเรื่องง่าย
“จะไปไหน”
“...”
“เซฮุน เราถามว่าจะไปไหน”
คนตัวเล็กมองอีกคนกับถนนที่เลี้ยวผิดเส้นทางไปมหาลัย
คนตัวสูงยังคงเงียบและขับรถไปเรื่อย ๆ
จนรอบข้างมองไม่เห็นบ้านเรือนและตึกอาคารพาณิชย์
คยองซูเลือกทอดสายตามองออกไปนอกกระจกและรอว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร ก่อนรถจะจอดลงข้างทางที่มีแต่ต้นไม้ซึ่งไม่มีรถวิ่งผ่าน
เราก็มีปากเสียงกันอีกครั้งกับเรื่องเดิม
ๆ เพราะเซฮุนรับความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่คราวนี้เด็กหนุ่มตัวสูงไม่ยอมให้เขาหนีอีกแล้ว
ผู้ชายคนนี้ใช้น้ำตาเพื่อรั้งให้เขาอยู่
เซฮุนไม่แคร์ว่าความถูกต้องจะเป็นอย่างไร
ไม่สนใจว่าใครจะรับไม่ได้กับความรักของเรา ร่างของเขาอยู่ในอ้อมกอดอุ่น ๆ
ที่เคยทำให้ใจเต้นแรง
แต่ในวินาทีนี้มันแผ่วลงไปทุกขณะเพราะเสียงกระซิบที่พร่ำบอกว่าโอเซฮุนรักโดคยองซูมากแค่ไหน
“ฉันไม่สนใจว่าคนทั้งโลกจะคิดยังไง”
“...”
“เพราะถ้าต้องเลือกว่าจะให้ปล่อยนายไปหรือเลือกหันหลังให้คนทั้งโลก
แน่นอนว่าฉันไม่ลังเลที่จะเลือกอย่างหลัง”
เซฮุนกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
คนตัวเล็กยืนนิ่งและถามตัวเองว่าอยากทำเพื่อความถูกต้องหรืออยากเห็นแก่ตัวมากกว่ากัน
ที่ผ่านมาเราทั้งคู่เจ็บพอหรือยังกับการวิ่งหนีความรู้สึกตัวเองทั้ง ๆ
ที่อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม
“ไม่ต้องทำอะไรเปิดเผยก็ได้
ฉันยอมทำให้ทุกคนเห็นว่าฉันเป็นน้องชายที่ดีของนาย”
“...”
“ฉันจะตั้งใจเรียน จะไม่สร้างปัญหา”
“...”
“จะอยู่เฉย ๆ ไม่สร้างความลำบากใจให้นายอีกเด็ดขาด” เซฮุนเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งพร้อมกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้น
“...แต่อย่าไล่ฉันได้ไหม?”
“...”
“เพราะความรู้สึกของฉันมันเดินมาไกลเกินกว่าจะถอยหลังไปเริ่มต้นเป็นพี่น้องกับนายได้แล้วคยองซู”
เขาเองก็เช่นกัน...
คนตัวเล็กยืนนิ่งท่ามกลางความเงียบรอบด้านที่โอบล้อมเราทั้งคู่เอาไว้
เขารู้สึกได้ถึงความกลัวของเซฮุนที่ถ่ายทอดออกมาผ่านอ้อมกอดนี้ เพียงครู่เดียวคยองซูก็ตัดสินใจหันไปสบตากับผู้ชายที่เขารักหมดทั้งใจ
ตอนนี้เซฮุนเหมือนเด็กตัวเล็ก
ๆ ที่กำลังร้องไห้อ้อนวอนขอความรักจากพ่อแม่
และมันกำลังบีบหัวใจคนที่บอกตัวเองมาตลอดว่าจะเป็นคนเติมเต็มความรู้สึกเหล่านั้นให้เอง
คยองซูเอื้อมมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้คนตัวสูง จนได้รู้ว่าน้ำตาของตนเองก็ไหลเหมือนกันเมื่ออีกฝ่ายช่วยเช็ดน้ำตาให้
หนึ่งคนพยายามสร้างกำแพง
หนึ่งคนพยายามพังมันลงแม้ว่าใจของตนเองจะพังไม่เป็นท่าเช่นกัน
เซฮุนโอบใบหน้าคนตัวเล็กเอาไว้ก่อนจะโน้มลงไปประกบริมฝีปากอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
ในใจเด็กหนุ่มกลัวเหลือเกินว่าจะถูกปฏิเสธ
กลัวว่าคยองซูจะรู้สึกไม่ดีจนกลายเป็นความเกลียดเข้าสักวัน
ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น
จูบนี้ช่างขมขื่นแต่ก็มีความหวานเจือปนอยู่จนไม่อยากถอนริมฝีปากออก
คยองซูกำลังร้องไห้และกอดอีกฝ่ายไว้เพราะไม่สามารถเก็บความรู้สึกเหล่านี้ไว้ได้อีกแล้ว
นาทีแรกเซฮุนจูบเพื่อขอโอกาส ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูบเพราะโหยหาในวินาทีถัดมา
จูบของเซฮุนยังคงเร่าร้อนราวกับว่าจะพรากลมหายใจของคยองซูไป
และพอรู้ตัวอีกที ร่างของเราทั้งคู่ก็ย้ายเข้ามาในเบาะหลังของรถทั้งที่ยังไม่ถอนริมฝีปากออกจากกัน
เสียงหอบหายใจเป็นสิ่งเดียวที่น่าฟังที่สุดในตอนนี้
เซฮุนช้อนร่างอีกฝ่ายขึ้นบนตักของตนพร้อมสอดมือแกร่งเข้าไปในเชิ้ตสีขาว
ลูบไล้ผิวเนียนที่ทำให้คลั่งจนอยากสัมผัสมากกว่าเดิมพร้อมเลื่อนริมฝีปากจูบไปตามซอกคอ
“...เซฮุน”
“ชู่ว์...”
“...”
มือข้างหนึ่งขยำเชิ้ตดำของอีกฝ่าย
ส่วนอีกข้างปิดปากกลั้นเสียงน่าเกลียดเอาไว้เมื่อกระดุมเสื้อของตนถูกริดออกด้วยฟันคมจนเห็นแผงอกขาวในที่สุด
เซฮุนแตะลิ้นลงบนยอดอกก่อนจะดูดดุนอย่างหลงใหลในวินาทีถัดมา
คนบนร่างบิดกายเร่าจากการถูกปลุกปั่น
เด็กหนุ่มตัวสูงหอบหายใจหนัก
ทุกครั้งที่คยองซูขยับตัวเป้ากางเกงของเราทั้งคู่จึงเสียดสีกันจนได้เรื่อง
เซฮุนกำลังจะไม่ไหวแล้ว เขาต้องการกอดอีกฝ่ายเดี๋ยวนี้และตรงนี้ แต่ถ้าหากทำเกินกว่าที่เส้นบาง
ๆ กั้นไว้ คยองซูก็คงเกลียดตัวเองจนไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ แม้ว่าเซฮุนพร้อมจะหันหลังให้ทุกอย่างไปแล้วก็ตาม
เขาอยากดูแล
อยากทะนุถนอมคยองซูไปนาน ๆ ดังนั้นโอเซฮุนจึงต้องห้ามตัวเอง
เซฮุนประคองร่างคนตัวเล็กให้นั่งลงบนหว่างขาของตน
ก่อนจะสวมกอดเอวคอดไว้จากข้างหลังพร้อมจูบขมับซึ่งชื้นไปด้วยเหงื่อ คยองซูกำลังแย่และเขาเองก็เช่นกัน
“...อะ”
“จับสิ” คยองซูมองมือตนเองที่กำลังถูกอีกคนจับให้สอดเข้าไปในกางเกงจนรู้สึกได้ถึงความตื่นตัวซึ่งพองคับแน่นจนเซฮุนต้องช่วยรูดซิบลง
“เซ...”
“ไม่เป็นไร เราไม่ได้ทำอะไรผิด”
“...”
“คราวนี้ก็ขยับมือของนาย”
“...”
“ใช่... อย่างนั้น”
“...”
“นึกถึงหน้าฉันอยู่หรือเปล่า”
เสียงเซฮุนที่กระซิบอยู่ข้างหูนั้นปั่นป่วนคนที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสจากมือตนเองซึ่งถูกชักนำโดยมืออีกคน
“ฉันขอทำมากกว่านี้ได้ไหม?”
คนตัวเล็กหลับตา
เผยอปากหอบหายใจพร้อมพยักหน้าอย่างช้า ๆ เซฮุนจึงคลายมือออกแล้วเลื่อนเรียวนิ้วลงไปหยุดอยู่ที่ช่องทางด้านหลัง
กดคลึงอยู่ในทีก่อนจะค่อย ๆ ดันนิ้วกลางเข้าไปก่อน
ความอุ่นร้อนด้านในกำลังตอดรัดจนคนกระทำแทบสติแตก
มือเล็กที่เคยช่วยตัวเองนั้นปล่อยออกพร้อมจับท่อนแขนแกร่งไว้เป็นหลัก
เอนหลังซบอกกว้างอย่างไร้เรี่ยวแรงและครางเรียกชื่อเซฮุนไม่หยุด
พยายามข่มใจแล้ว...
แต่คยองซูกำลังทำให้เขาแทบบ้า
“เซฮุน... อา... อะ... อา... อา...”
“...”
“ฮะ... อะ... อื้ม...”
“จูบอีกได้ไหม?”
“อะ... อา!”
คนตัวเล็กพยักหน้าพร้อมแลบลิ้นออกมาเล็กน้อย เด็กหนุ่มจึงก้มลงไปจูบคนที่หันมาออดอ้อนก่อนจะงอนิ้วกระแทกเข้าไปในช่องทางด้านหลังเพื่อช่วยให้อีกฝ่ายไปถึงฝั่งฝันโดยเร็ว
คยองซูไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว
ร่างกายของเขาบิดเร่าในอ้อมกอดคนตัวโตกว่าและรู้สึกได้ว่าเซฮุนกำลังจะทนไม่ไหวจากการตื่นตัวที่เป้ากางเกงซึ่งดันอยู่ด้านหลัง
“คยองซู?”
“ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น”
เด็กหนุ่มตัวสูงนิ่วหน้าขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กที่หน้าแดงก่ำเพราะอายกับการกระทำตนเอง
คยองซูถอดกางเกงออกแล้วพลิกตัวหันเข้าหาคนที่เป็นทั้งน้องชายต่างแม่และคนที่เขารัก
ก่อนจะขึ้นคร่อมและก้มหน้าก้มตาปลดเข็มขัดสีดำด้วยความขลาดอาย
“ถ้านายบอกว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ผิด” คยองซูเม้มริมฝีปากก่อนจะช้อนตามองสีหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความต้องการของอีกคนอย่างกล้า
ๆ กลัว ๆ “...ก็ช่วยทำต่อให้จบโดยไม่ต้องพูดอะไรได้ไหม”
“...”
“ฉันจะทำให้นาย... ส่วนนายก็ทำให้ฉัน... โดยไม่ต้องเกินเลยกันมากไปกว่านี้”
“...”
“ถ้าทำอย่างนั้น... ได้ใช่ไหม?”
คยองซูได้พูดเรื่องน่าอายที่สุดออกไปแล้ว
เขารู้สึกร้อนทั้งใบหน้าและอายจนไม่กล้าสบตากันอีก แต่เซฮุนกลับเชยคางเขาให้หันมาสบตากัน
พร้อมยิ้มบาง ๆ อย่างมีความสุขก่อนจะจูบเขาและบอกว่า
“จำไว้นะคยองซู ไม่ว่าโอเซฮุนจะในฐานะอะไร ฉันก็จะรักนายอยู่ดี”
“...”
“และหวังว่าพรุ่งนี้และวันถัดไปนายก็จะรู้สึกกับฉันแบบนั้นเหมือนกัน”
-------------------------------------------------
#exoficfest
-
GUESS WHO?
รู้ไหมว่าใครเขียน
กราบค่ะ เขินเบอร์แรงมาก ><
ตอบลบกราบค่ะ เขินเบอร์แรงมาก ><
ตอบลบเขินมาก โอ้มายก้อด
ตอบลบงืออออ ดีมากค่ะ ฟินมากกก อยากได้ภาคต่อ ไม่ก้เป็นเรื่องยาวเลยค่ะ
ตอบลบ