22.10.59

Prompt : #77 Forbidden Love







Forbidden Love
Prompt : 77 ttyh
Pairing : Sehun / Kyungsoo
Summary : รักต้องห้าม

Author : มลินค่ะ
 
Song : Kei (Lovelyz)   Love moves on



โดคยองซูมักจะมีคำตอบให้โจทย์บนกระดานหรือโปรเจ็คเตอร์หน้าชั้นเรียนอยู่เสมอ
แต่เขาไม่เคยหาคำตอบให้ความรู้สึกตัวเองได้เลย
ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร ไม่รู้ว่าควรทำหน้าอย่างไร
เวลาอยู่ต่อหน้าโอเซฮุน คนที่เขารู้สึกมากกว่าพี่น้อง



วันนี้ก็อร่อยอีกแล้วนะคยองซู

คนถูกชมเพียงขยับริมฝีปากเล็กน้อยเพื่อให้พ่อเห็นว่าเขากำลังรู้สึกดี แม้ว่าการยิ้มมันจะกลายเป็นความจำเป็นไปแล้วเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับบ้านหลังนี้ รวมถึงการนั่งมองไข่ม้วนที่ไหม้ไปเล็กน้อยเพราะเผลอใจลอยระหว่างทำ กับซุปกิมจิที่ท่านบอกให้ทำเพราะน้องชายต่างแม่ชอบนักหนาแม้ว่าครึ่งตัวหมอนั่นจะมีเชื้อฝรั่งอยู่ครึ่งหนึ่ง

ขอบคุณครับ เสียงทุ้มต่ำกล่าวพร้อมรวบตะเกียบวางคู่กันและวางช้อนยาวอย่างเรียบร้อย คนเจริญอาหารไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเขา แต่หมอนั่นกลับเงียบเพื่อรอให้พ่อบอกว่ามื้อเช้าของเราสิ้นสุดลงแล้ว

“You ate all what he made, lately. You like it, Do you?” (ชอบฝีมือพี่ใช่ไหม พักหลังพ่อเห็นกินหมดทุกวัน)

โอเซฮุนไม่ได้ตอบเพื่อเอาใจหรือตอบเพื่อให้เราทั้งคู่รู้สึกอึดอัดต่อกันมากไปกว่านี้ คนตัวสูงเพียงยิ้มให้พ่อ และหันมาสบตากับเขาราวกับอยากรู้ว่าตอนนี้สีหน้าของโดคยองซูกำลังเป็นอย่างไร และไม่เคยเกินสามวินาทีด้วยซ้ำ โดคยองซูก็เป็นฝ่ายหลบสายตาและหาความจำเป็นรอบด้านมากลบเกลื่อน อย่างเช่นตอนนี้ที่เขากำลังรวบรวมจานชามเข้าไปล้างในห้องครัวเพื่อหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้โอเซฮุน

คยองซู

ครับ?

ไปมหาลัยพร้อมเซฮุนเลยสิ วันนี้เรียนตัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ?

...

คยองซูหันไปมองพ่อเพียงครู่เดียวก็ต้องเปลี่ยนไปสบตากับน้องชายต่างแม่ แม้ว่าสีหน้าของเขาจะไม่ต่างไปจากเดิมนัก แต่คนอย่างหมอนั่นก็คงรู้ได้ไม่ยากว่าตอนนี้โดคยองซูกำลังไม่สบอารมณ์แค่ไหน

พ่อของเขาน่ะหรือจะสนใจว่าตารางเรียนแต่ละวันของลูกชายเป็นอย่างไร เว้นแต่ว่าโอเซฮุนจะเล่าให้ท่านฟังเอง ให้ตายสิ ทั้งที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้อยู่ใกล้อีกฝ่ายแล้วแท้ ๆ แต่ทำไมเซฮุนถึงทำให้มันเป็นเรื่องยาก

ทุกอย่างแย่ลงตั้งแต่หลังงานศพแม่สี่เดือน วันที่พ่อบอกเขาว่าความจริงแล้วท่านมีภรรยาอีกหนึ่งคนเป็นชาวต่างชาติซึ่งแม่ก็รู้เรื่องนี้มาตลอด น่าตลกดีที่ท่านบอกว่าแคร์ความรู้สึกลูกชายคนนี้นักหนา ถึงได้เลือกเก็บความลับเรื่องนี้ไว้ก่อนจะปล่อยมันออกมาในวันที่แม่จากไปแล้ว

แต่ความจริงมันอาจจะไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้ เพราะคยองซูไม่ใช่เด็กหัวรั้นที่จะไม่มีวันเปิดใจยอมรับครอบครัวใหม่ แต่มันอาจจะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจสักหน่อย พ่อบอกว่าเด็กคนนั้นอายุน้อยกว่าเขาสองปี แต่เทียบโอนเข้ามหาลัยจนตอนนี้เรียนอยู่ปีสอง ซึ่งก็เท่ากับว่าเราอยู่รุ่นเดียวกัน

และพระเจ้าก็ได้บอกให้รู้ว่าการพยายามทำความเข้าใจของโดคยองซูมันช่างสูญเปล่า เพราะสุดท้ายแล้วการมีน้องชายก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องการ เมื่อเด็กคนนั้นคือโอเซฮุน เพื่อนในคณะที่กำลังรู้สึกดีต่อกันมากเกินกว่าเพื่อน

มันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนขึ้นปีสอง เพราะกิจกรรมที่ต้องทำเพื่อน้องปีหนึ่ง ทั้งคู่จึงมีโอกาสพูดคุยกันมากกว่าตอนปีหนึ่งที่ต่างคนต่างเรียนเพราะอยู่คนละกลุ่ม เซฮุนเป็นหนุ่มฮอต เพราะรูปร่างส่วนสูงที่ดูดีเหมือนนายแบบ อีกทั้งยังหล่อเพราะมีความลูกครึ่ง สาว ๆ จึงตามติดแจ แต่หมอนั่นก็แค่ยิ้มตาหยีแล้วบอกทุกคนว่าเป็นเกย์

ไม่มีใครเชื่อ จ้างให้ก็ไม่... หนึ่งในนั้นคือเด็กแก่เรียนอย่างคยองซูที่นั่งอยู่ข้างหน้าสุดซึ่งเห็นคาตาว่าหมอนั่นแอบมองก้นแน่น ๆ ของอาจารย์หุ่นแซ่บตอนยืนพรีเซนท์งานกลุ่มหน้าชั้นเรียน เล่นเอาเพื่อน ๆ ที่นั่งดูอยู่กลั้นขำกับความทะเล้น แต่ก็นั่นแหละ มีอาจารย์สาวสวยก็ต้องมีอาจารย์แก่คราวแม่หัวโบราณในรายวิชาอื่น ๆ โอเซฮุนจึงถูกเรียกออกไปสรุปบทเรียนในช่วงท้ายคาบ อาจจะเพราะแอบหลับบ้าง กวนประสาทอาจารย์บ้าง ซึ่งหมอนั่นไม่เคยจะตอบได้

คยองซูยังจำครั้งแรกที่หมอนั่นหันมาสบตากันพร้อมขยับปากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็พอเข้าใจได้ว่าโอเซฮุนกำลังต้องการความช่วยเหลือ และมันบ้ามากที่เขาพยายามช่วยแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

เราแทบจะไม่มีบทสนทนาต่อกัน มากสุดก็แค่ถูกขอยืมปากกาก่อนเข้าห้องสอบเท่านั้น โอเซฮุนเป็นลูกครึ่งโดยเนื้อแท้จริง ๆ ไม่ว่าจะทางสายเลือดหรือนิสัย อะไร ๆ ก็ดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไปหมด หลังจากตอนนั้นทั้งคู่ก็เจอกันบ่อยขึ้น ไม่ว่าจะตอนเรียนเสร็จ ออกไปกินข้าว หรือแม้แต่ตอนกลับบ้าน ทุกอย่างล้วนเป็นความบังเอิญที่เราหันไปสบตากัน และทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

คยองซูไม่คิดว่ามันคือความสนใจ แต่ที่อยากรู้เรื่องของผู้ชายคนนั้นก็เป็นเพราะความอยากรู้ ซึ่งเพื่อนในกลุ่มก็เล่าให้ฟังว่าแม่ของเซฮุนเป็นเมียน้อย ทั้งคู่อาศัยอยู่อเมริกาตั้งแต่เด็กก่อนเซฮุนจะย้ายมาเรียนมัธยมที่เกาหลี

เซฮุนเป็นคนร่าเริงจึงมีเพื่อนเยอะแต่กลับไม่มีเพื่อนสนิทเลยสักคนเดียว กระทั่งตอนขึ้นปีสองที่จำเป็นต้องทำกิจกรรมร่วมกัน คืนนั้นคยองซูอยู่ทำอุปกรณ์กับเพื่อนอีกสี่คนในขณะที่คนอื่นขอกลับไปพักผ่อนก่อน

ประมาณเที่ยงคืนเห็นจะได้ เซฮุนก็กลับมาที่คณะเพราะลืมของไว้ เขาไม่คิดว่าคนอย่างหมอนั่นจะมีน้ำใจยื่นมือมาช่วย และคำถามว่าเหนื่อยไหม? กับง่วงเปล่า?ก็เป็นแค่การแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเพื่อที่จะได้กลับบ้านอย่างไม่รู้สึกผิด

แต่มันไม่ใช่... เพราะหลังจากนั้นประมาณยี่สิบนาทีหมอนั่นก็กลับมาพร้อมถุงพลาสติกสีดำซึ่งข้างในนั้นเต็มไปด้วยเครื่องดื่มและขนมหลายอย่าง

เซฮุนไม่ได้แสดงน้ำใจเพียงเท่านั้น แต่กลับนั่งลงช่วยเพื่อนตัดนู่นนี่นั่นแม้ว่าจะไม่ถนัด ความซื่อบื้อของหมอนั่นทำให้คยองซูนึกเป็นกังวลจึงทำให้ละสายตาหันไปมองอยู่หลายหน สุดท้ายก็พลาดถูกคัตเตอร์บาดมือจนได้

แผลไม่ลึกมาก แต่เลือดที่ไหลออกมาอาบนิ้วก็ทำให้ต้องรีบวิ่งไปในห้องน้ำ ซึ่งพอรู้ตัวอีกทีก็เห็นว่าเซฮุนตามมาด้วย หมอนั่นไม่ได้ถามว่า เป็นไรมากไหม?ตามมารยาท แต่กลับยิ้มทะเล้นแล้วบอกว่านี่แหละผลของการเอาแต่มองฉัน

...เขาอยากฟาดหมอนี่แรง ๆ สักครั้งเสียจริง




เรานิสัยไม่เหมือนกันเลย... ไม่สักนิด

แต่น่าแปลกที่เขาและเซฮุนกลับอยู่ด้วยกันได้ และพูดคุยกันบ่อยขึ้นจนถึงขั้นไปไหนมาไหนด้วยกัน ตั้งแต่กินข้าว ช่วยติวรายวิชาที่เซฮุนไม่ถนัดซึ่งก็แทบจะทุกวิชา คยองซูปฏิเสธไม่ได้เพราะลูกอ้อนของหมอนั่น และพยายามคิดในแง่ดีว่าจะได้ทบทวนบทเรียนไปด้วย เราจึงใช้เวลาร่วมกันพอสมควรในวัน ๆ หนึ่ง

แต่การไปดูหนังด้วยกันมันชักจะแปลก ๆ และยิ่งเห็นว่าเซฮุนแต่งตัวหล่อ เซ็ทผมมาเป็นอย่างดีพร้อมยิ้มกว้างตอนเห็นว่าเขาไปถึง... บ้าน่ะ... ทำไมเหมือนว่าเรากำลังเดทกันยังไงก็ไม่รู้สิ


ดูเรื่องนี้ไหม?
นายอยากดูหนังฆาตกรรมเหรอ?
หรือว่านายไม่อยาก?
อ้อ เปล่า เราดูได้นะ
ไม่ชอบเหรอ
ก็ไม่เชิง แต่เราไม่ค่อยชอบฉากปาดคอเลือดสาดสักเท่าไหร่ มันหวาดเสียวแปลก ๆ
อ่า งั้นไม่เป็นไร ดูเรื่องอื่นกัน
แต่นายอยากดูเรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ
 แล้วไง หรือว่านายจะยอมดูหนังฆาตกรรมเลือดสาดกับฉันล่ะโดคยองซู
...
เลือกเรื่องที่นายอยากดูสิ ฉันดูได้หมดนั่นแหละ


เหมือนจะบังคับแต่สุดท้ายก็ตามใจเขาเสียอย่างนั้น คยองซูยืนนิ่งพลางมองด้านข้างของผู้ชายหน้าตาดีที่ทำให้ตั้งคำถามว่าเพราะอะไรโอเซฮุนถึงมายืนอยู่ตรงนี้กับเด็กแก่เรียนอย่างเขาซึ่งเป็นผู้ชายด้วยกันแทนที่จะเป็นผู้หญิงสวย ๆ สักคน

น่าแปลกที่โดคยองซูยอมดูหนังฆาตกรรมสยองขวัญเรื่องนั้นเพราะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ และระหว่างที่ดูหนังหัวใจของเขาก็ไม่เคยเต้นตามจังหวะอย่างที่มันควรจะเป็นเลยสักนิด ทั้งที่โรงหนังมันหนาวจนทำให้มือเย็นไปหมด แต่คยองซูกลับรู้สึกร้อนผ่าวไปหมดเพียงเพราะรู้ตัวว่าเผลอบีบมือเซฮุนไว้เพราะความกลัว

ใบหน้าคมหันมามองเขา คาดว่าคงถูกล้อและเห็นรอยยิ้มบ้า ๆ ของอีกฝ่ายแน่ แต่คยองซูคิดผิด เพราะเซฮุนเพียงขยับมือเล็กน้อยเพื่อบอกให้เขาปล่อยเท่านั้น คนตัวเล็กรู้สึกใจหายพิลึก แต่ก็แค่วินาทีเดียวเซฮุนก็หงายมือออกและมองมาราวกับบอกให้จับมือกัน

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่คยองซูทำอะไรลงไปโดยไม่คิดให้ดีก่อน คนตัวเล็กไม่ได้คิดเลยว่าหลังจากปล่อยมือกันแล้วทั้งคู่จะมองหน้ากันอย่างไร เขารู้สึกเหมือนจะเป็นไข้เพราะร่างกายมันร้อนจนเหงื่อออกที่มือ แต่เซฮุนกลับนั่งดูหนังไปเรื่อย ๆ พร้อมสอดประสานเรียวนิ้วจนแทบไม่เหลือให้อากาศวิ่งผ่านฝ่ามือของเรา

ฉากเพื่อนนางเอกโดนลากไปทรมานและปิดท้ายด้วยการเอาเลื่อยตัดคอนั้นมันน่ากลัวจนต้องหลับตาแน่น ตอนนั้นเขาจึงรู้สึกได้ถึงมือเย็น ๆ อีกข้างของเซฮุนที่เอื้อมมาปิดตาเขาไว้ เสียงกรี๊ดบนจอใหญ่เงียบไปหลังจากตัวละครตาย อีกฝ่ายจึงปล่อยมือออกเล็กน้อยและเราก็สบตากัน

หนังยังคงดำเนินเข้าหาฉากไคลแม็กซ์ แต่โอเซฮุนกลับเลือกจ้องตาเขามากกว่าหันไปสนใจสิ่งที่อยากดู คยองซูจะแย่อยู่แล้ว เขาไม่สามารถสบตากับอีกฝ่ายได้นานไปกว่านี้อีก จึงเบือนหน้าไปอีกทางก่อนจะถูกเชยคางให้หันกลับมาจูบกัน

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก สมองของคนตัวเล็กนั้นว่างเปล่าราวกับว่าทุกอย่างหยุดนิ่ง ลิ้นของเซฮุนมีกลิ่นมินต์ มันทั้งอุ่นและหอมหวานจนทำให้คนเงอะงะอย่างเขาแทบระเบิดตายอยู่ตรงนั้น

หนังจบจนเครดิตขึ้นบนจอสีดำ ผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างทยอยกันออกไปข้างนอกจนเหลือเพียงเราสองคน เซฮุนยังไม่ยอมปล่อยมือและจับแน่นยิ่งขึ้นเมื่อเขาทำท่าว่าจะชักมือกลับ ใบหน้าคมหันมาสบตากันอีกครั้ง พร้อมยิ้มบาง ๆ โดยที่เขาหาคำตอบไม่ได้ว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นเซฮุนกำลังคิดอะไร

รู้มาตลอดชีวิตว่าตัวเตี้ย และเหมือนว่าอีกฝ่ายจะตอกย้ำว่าเขาตัวเล็กนิดเดียวจนไม่สามารถปกป้องใครได้ ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ที่ร่างของคยองซูถูกกักไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างของเซฮุนบนรถไฟใต้ดินที่ผู้คนมากมายต่างเบียดเสียดแออัดกันตอนหัวค่ำ

ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นท่ามกลางความขลาดอาย นอกจากคนที่ได้นั่งแล้วคยองซูคงเป็นคนเดียวที่สบายกว่าใครเพราะมีคนตรงหน้าคอยกันไว้ให้ แต่พอประตูรถไฟเปิดออกช่องว่างที่เคยมีต่อกันก็แคบลงเมื่อผู้คนเบียดเสียดเข้ามาเพิ่ม ร่างกายของคยองซูจึงแทบจมหายเข้าไปในอกของเซฮุน... เขาแอบต่อว่าตัวเองอยู่ลึก ๆ ที่เผลอรู้สึกดีจนไม่อยากผละออก

ใช้แชมพูกลิ่นกุหลาบอย่างกับผู้หญิง...  อ๊า!’

สมน้ำหน้าแล้ว... คยองซูทุบอกอีกคนแรง ๆ ไปหนึ่งทีข้อหาพูดจากวนประสาท แต่เซฮุนกลับหัวเราะในลำคอและกดจมูกลงมาบนศีรษะของเขาอีกครั้งอย่างไม่กลัวโดนทุบ และที่น่าตลกคือไม่เขายอมให้เป็นไปอย่างนั้น

ระหว่างทางเราเอาแต่กระซิบคุยกันราวกับกลัวใครได้ยิน คยองซูเอาแต่ยืนก้มหน้าก้มตาในอาณัติคนตัวสูง และฟังเรื่องราวที่ทำให้ใจเต้นซ้ำ ๆ จนอยากให้ทุกอย่างหยุดแค่นั้นก่อนที่เขาจะต้านทานความรู้สึกที่มีต่อโอเซฮุนไม่ไหว

ที่รู้ว่าต้องปิดตาให้เมื่อไหร่ก็เพราะว่าหมอนั่นเคยดูมาก่อนแล้ว ซึ่งคยองซูไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอยากดูรอบสอง และเซฮุนก็ให้เหตุผลว่าอยากดูหนังเรื่องที่ชอบกับคนที่ชอบ

ในที่สุดโดคยองซูก็ตายเพราะคำพูดของโอเซฮุนอีกครั้ง




หลังจากวันนั้นอีกฝ่ายก็รุกหนักขึ้น ชนิดว่าเมื่อไหร่ที่เริ่มมีความคิดไม่ตรงกันและคำว่าเพื่อนถูกยกขึ้นมาใช้คยองซูก็จะถูกจูบปิดปากทันที เซฮุนเป็นคนปากไวมือไว มีครั้งหนึ่งเราจูบกันนานกว่าทุกครั้งและดูเหมือนว่าเซฮุนจะหยุดไม่ได้ วันนั้นเราเกือบมีอะไรกันในห้องสมุด

เพราะถ้าไม่ได้ยินเสียงหนังสือตก เขาและเซฮุนอาจจะเกินเลยกันไปแล้วก็ได้

เซฮุนตั้งใจเรียนมากขึ้น ส่วนคยองซูก็เปิดโลกมากกว่าที่เคยโดยการออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกด้วยกัน เรายังคงสถานะความเป็นเพื่อนแต่รู้สึกต่อกันมากกว่านั้น จนถึงขั้นเปิดอกคุยกันในทุก ๆ เรื่อง

เซฮุนเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟังว่าเกิดมาก็เห็นพ่อแทบจะนับครั้งได้ เพราะท่านเป็นคนเกาหลี ส่วนแม่เป็นคนอเมริกัน คนตัวสูงเติบโตที่แคลิฟอร์เนียก่อนจะย้ายมาเรียนมัธยมที่เกาหลีอย่างที่คยองซูเคยได้ยินจากปากคนอื่นมาจริง ๆ แต่ที่ไม่เคยได้ยินก็คือความเหงาและขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ ซึ่งโอเซฮุนไม่เคยแสดงมุมนี้ให้ใครได้เห็นมาก่อน

ที่ย้ายมาอยู่โซลเพราะพ่ออยากดูแลใกล้ ๆ และเซฮุนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องอยู่โรงเรียนประจำทั้ง ๆ ที่จุดประสงค์หลักที่บินข้ามประเทศมาก็คือการได้อยู่กับพ่อ ซึ่งท่านก็ให้เหตุผลแบบปล่อยผ่านว่างานยุ่ง จึงจำเป็นต้องให้เซฮุนอยู่ที่นั่นเสียก่อน แต่พอเข้ามหาลัยพ่อก็ยังเอาเหตุผลเรื่องงานยุ่งมาอ้าง ว่าจำเป็นต้องย้ายไปประจำการที่ต่างจังหวัด ซึ่งเซฮุนคงไม่สะดวกย้ายไปไหนมาไหนด้วย จึงได้เจอพ่อเดือนละครั้งสองครั้ง

รวมถึงเรื่องนามสกุลที่ไม่รู้ว่าเป็นนามสกุลใคร ทำไมท่านถึงไม่ยอมให้ใครนามสกุลเดียวกัน พ่อมีความลับและเรื่องที่ไม่อยากอธิบายอีกเยอะ ซึ่งเซฮุนคงไม่ได้คำตอบเว้นเสียแต่ว่าท่านจะยอมเล่าเอง

ตอนที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดคยองซูเพียงกุมมืออีกฝ่ายไว้แน่น ๆ เพื่อบอกให้รู้ว่ายังมีเขาอีกคนที่อยู่ตรงนี้ และใบหน้าหล่อลูกครึ่งฝรั่งก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดีและทิ้งตัวลงนอนบนตักพร้อมพึมพำเบา ๆ ว่าฉันโชคดีจริง ๆ ที่มีคยองซู

ซึ่งเขาก็คิดอย่างนั้น แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะโชคดีมากถึงขนาดที่จะได้รู้ว่าเรามีเลือดเนื้อเดียวกันอยู่ครึ่งหนึ่ง...




ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือตั้งแต่วันแรกที่รู้ความจริง ทั้งคยองซูและเซฮุนต่างรับไม่ได้และช็อกจนไม่สามารถหันหน้าเข้าหากันเพื่อทุเลาความตกใจ บ้านสองชั้นที่เคยมีเพียงพ่อแม่ลูก แต่พอแม่จากไปตระกูลโดก็ได้ลูกชายเข้ามาเพิ่มอีกคน

เซฮุนย้ายเข้ามาอยู่ห้องข้าง ๆ ซึ่งมีประตูเชื่อมต่อหากันได้ เพียงคืนเดียวเท่านั้นที่เราปล่อยให้ตนเองอยู่กับความเงียบ หลังจากตั้งสติและปรับตัวเข้ากับครอบครัวใหม่ได้เซฮุนก็เข้ามาหาเขากลางดึก เราไม่กล้าแตะเนื้อต้องตัวกันเหมือนอย่างเคย ไม่สามารถสบตากันได้นานและสุดท้ายก็จบด้วยกันมองไปที่อื่น

คำว่าพี่น้องยังคงค้ำคอ คยองซูจึงบอกให้อีกฝ่ายออกไปแต่เซฮุนกลับตรงเข้ามากอดเขาพร้อมกระซิบเสียงพร่าว่าอย่าไล่ฉัน...

คนหนึ่งผลักไส อีกคนดันทุรังยื้อไว้ หัวใจของเราทั้งคู่บอบช้ำด้วยสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ จูบของเซฮุนไม่เคยเจ็บปวดถึงขนาดนี้ และทุกอย่างก็หยุดลงเมื่อคยองซูผละออกตะโกนลั่นว่า มันจบลงแล้ว!’




วันนี้กินข้าวเย็นกันเองนะ พ่อคงค้างอยู่ที่ทำงานเลย

ครับ เซฮุนเป็นฝ่ายขานตอบเพื่อไม่ให้พ่อรู้สึกได้ถึงความอึดอัด วันนี้เป็นครั้งแรกที่เราไปเรียนด้วยกันเพราะคำสั่งของพ่อ ซึ่งคยองซูจำต้องขึ้นไปบนรถเพื่อให้ท่านสบายใจ

จอดมินิมาร์ทด้วย เราจะลงตรงนั้น

...

เซฮุน

...

ไม่ได้ยินที่พูดเหรอ

คราวนี้อยากให้ฉันได้ยินแล้วหรือไง?

...

คยองซูนั่งนิ่ง ไม่แม้แต่จะผลักไหล่กว้างแรง ๆ หลังจากถูกกวนประสาท เซฮุนยังคงทอดสายตาไปยังถนนเบื้องหน้า ยังไม่มีใครชินกับสถานะที่เปลี่ยนไปแม้ว่าเรายังไม่เคยตอบปากตกลงว่าจะเป็นแฟนกัน แต่การเปลี่ยนสถานะมาเป็นพี่ชายน้องชาย มันก็ยากเกินกว่าจะทำเหมือนมันเป็นเรื่องง่าย

จะไปไหน

...

เซฮุน เราถามว่าจะไปไหน

คนตัวเล็กมองอีกคนกับถนนที่เลี้ยวผิดเส้นทางไปมหาลัย คนตัวสูงยังคงเงียบและขับรถไปเรื่อย ๆ จนรอบข้างมองไม่เห็นบ้านเรือนและตึกอาคารพาณิชย์ คยองซูเลือกทอดสายตามองออกไปนอกกระจกและรอว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร ก่อนรถจะจอดลงข้างทางที่มีแต่ต้นไม้ซึ่งไม่มีรถวิ่งผ่าน

เราก็มีปากเสียงกันอีกครั้งกับเรื่องเดิม ๆ เพราะเซฮุนรับความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่คราวนี้เด็กหนุ่มตัวสูงไม่ยอมให้เขาหนีอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้ใช้น้ำตาเพื่อรั้งให้เขาอยู่

เซฮุนไม่แคร์ว่าความถูกต้องจะเป็นอย่างไร ไม่สนใจว่าใครจะรับไม่ได้กับความรักของเรา ร่างของเขาอยู่ในอ้อมกอดอุ่น ๆ ที่เคยทำให้ใจเต้นแรง แต่ในวินาทีนี้มันแผ่วลงไปทุกขณะเพราะเสียงกระซิบที่พร่ำบอกว่าโอเซฮุนรักโดคยองซูมากแค่ไหน

ฉันไม่สนใจว่าคนทั้งโลกจะคิดยังไง

...

เพราะถ้าต้องเลือกว่าจะให้ปล่อยนายไปหรือเลือกหันหลังให้คนทั้งโลก แน่นอนว่าฉันไม่ลังเลที่จะเลือกอย่างหลัง

เซฮุนกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น คนตัวเล็กยืนนิ่งและถามตัวเองว่าอยากทำเพื่อความถูกต้องหรืออยากเห็นแก่ตัวมากกว่ากัน ที่ผ่านมาเราทั้งคู่เจ็บพอหรือยังกับการวิ่งหนีความรู้สึกตัวเองทั้ง ๆ ที่อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม

ไม่ต้องทำอะไรเปิดเผยก็ได้ ฉันยอมทำให้ทุกคนเห็นว่าฉันเป็นน้องชายที่ดีของนาย

...

ฉันจะตั้งใจเรียน จะไม่สร้างปัญหา

...

จะอยู่เฉย ๆ ไม่สร้างความลำบากใจให้นายอีกเด็ดขาดเซฮุนเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งพร้อมกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้น...แต่อย่าไล่ฉันได้ไหม?

...

เพราะความรู้สึกของฉันมันเดินมาไกลเกินกว่าจะถอยหลังไปเริ่มต้นเป็นพี่น้องกับนายได้แล้วคยองซู

เขาเองก็เช่นกัน... คนตัวเล็กยืนนิ่งท่ามกลางความเงียบรอบด้านที่โอบล้อมเราทั้งคู่เอาไว้ เขารู้สึกได้ถึงความกลัวของเซฮุนที่ถ่ายทอดออกมาผ่านอ้อมกอดนี้ เพียงครู่เดียวคยองซูก็ตัดสินใจหันไปสบตากับผู้ชายที่เขารักหมดทั้งใจ

ตอนนี้เซฮุนเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ ที่กำลังร้องไห้อ้อนวอนขอความรักจากพ่อแม่ และมันกำลังบีบหัวใจคนที่บอกตัวเองมาตลอดว่าจะเป็นคนเติมเต็มความรู้สึกเหล่านั้นให้เอง คยองซูเอื้อมมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้คนตัวสูง จนได้รู้ว่าน้ำตาของตนเองก็ไหลเหมือนกันเมื่ออีกฝ่ายช่วยเช็ดน้ำตาให้

หนึ่งคนพยายามสร้างกำแพง หนึ่งคนพยายามพังมันลงแม้ว่าใจของตนเองจะพังไม่เป็นท่าเช่นกัน เซฮุนโอบใบหน้าคนตัวเล็กเอาไว้ก่อนจะโน้มลงไปประกบริมฝีปากอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ในใจเด็กหนุ่มกลัวเหลือเกินว่าจะถูกปฏิเสธ กลัวว่าคยองซูจะรู้สึกไม่ดีจนกลายเป็นความเกลียดเข้าสักวัน ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น

จูบนี้ช่างขมขื่นแต่ก็มีความหวานเจือปนอยู่จนไม่อยากถอนริมฝีปากออก คยองซูกำลังร้องไห้และกอดอีกฝ่ายไว้เพราะไม่สามารถเก็บความรู้สึกเหล่านี้ไว้ได้อีกแล้ว นาทีแรกเซฮุนจูบเพื่อขอโอกาส ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูบเพราะโหยหาในวินาทีถัดมา

จูบของเซฮุนยังคงเร่าร้อนราวกับว่าจะพรากลมหายใจของคยองซูไป และพอรู้ตัวอีกที ร่างของเราทั้งคู่ก็ย้ายเข้ามาในเบาะหลังของรถทั้งที่ยังไม่ถอนริมฝีปากออกจากกัน

เสียงหอบหายใจเป็นสิ่งเดียวที่น่าฟังที่สุดในตอนนี้ เซฮุนช้อนร่างอีกฝ่ายขึ้นบนตักของตนพร้อมสอดมือแกร่งเข้าไปในเชิ้ตสีขาว ลูบไล้ผิวเนียนที่ทำให้คลั่งจนอยากสัมผัสมากกว่าเดิมพร้อมเลื่อนริมฝีปากจูบไปตามซอกคอ

...เซฮุน

ชู่ว์...

...

มือข้างหนึ่งขยำเชิ้ตดำของอีกฝ่าย ส่วนอีกข้างปิดปากกลั้นเสียงน่าเกลียดเอาไว้เมื่อกระดุมเสื้อของตนถูกริดออกด้วยฟันคมจนเห็นแผงอกขาวในที่สุด เซฮุนแตะลิ้นลงบนยอดอกก่อนจะดูดดุนอย่างหลงใหลในวินาทีถัดมา

คนบนร่างบิดกายเร่าจากการถูกปลุกปั่น เด็กหนุ่มตัวสูงหอบหายใจหนัก ทุกครั้งที่คยองซูขยับตัวเป้ากางเกงของเราทั้งคู่จึงเสียดสีกันจนได้เรื่อง เซฮุนกำลังจะไม่ไหวแล้ว เขาต้องการกอดอีกฝ่ายเดี๋ยวนี้และตรงนี้ แต่ถ้าหากทำเกินกว่าที่เส้นบาง ๆ กั้นไว้ คยองซูก็คงเกลียดตัวเองจนไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ แม้ว่าเซฮุนพร้อมจะหันหลังให้ทุกอย่างไปแล้วก็ตาม

เขาอยากดูแล อยากทะนุถนอมคยองซูไปนาน ๆ ดังนั้นโอเซฮุนจึงต้องห้ามตัวเอง

เซฮุนประคองร่างคนตัวเล็กให้นั่งลงบนหว่างขาของตน ก่อนจะสวมกอดเอวคอดไว้จากข้างหลังพร้อมจูบขมับซึ่งชื้นไปด้วยเหงื่อ คยองซูกำลังแย่และเขาเองก็เช่นกัน

...อะ

จับสิคยองซูมองมือตนเองที่กำลังถูกอีกคนจับให้สอดเข้าไปในกางเกงจนรู้สึกได้ถึงความตื่นตัวซึ่งพองคับแน่นจนเซฮุนต้องช่วยรูดซิบลง

เซ...

ไม่เป็นไร เราไม่ได้ทำอะไรผิด

...

คราวนี้ก็ขยับมือของนาย

...

ใช่... อย่างนั้น

...

นึกถึงหน้าฉันอยู่หรือเปล่า เสียงเซฮุนที่กระซิบอยู่ข้างหูนั้นปั่นป่วนคนที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสจากมือตนเองซึ่งถูกชักนำโดยมืออีกคน ฉันขอทำมากกว่านี้ได้ไหม?

คนตัวเล็กหลับตา เผยอปากหอบหายใจพร้อมพยักหน้าอย่างช้า ๆ เซฮุนจึงคลายมือออกแล้วเลื่อนเรียวนิ้วลงไปหยุดอยู่ที่ช่องทางด้านหลัง กดคลึงอยู่ในทีก่อนจะค่อย ๆ ดันนิ้วกลางเข้าไปก่อน

ความอุ่นร้อนด้านในกำลังตอดรัดจนคนกระทำแทบสติแตก มือเล็กที่เคยช่วยตัวเองนั้นปล่อยออกพร้อมจับท่อนแขนแกร่งไว้เป็นหลัก เอนหลังซบอกกว้างอย่างไร้เรี่ยวแรงและครางเรียกชื่อเซฮุนไม่หยุด

พยายามข่มใจแล้ว... แต่คยองซูกำลังทำให้เขาแทบบ้า

เซฮุน... อา... อะ... อา... อา...

...

ฮะ... อะ... อื้ม...

จูบอีกได้ไหม?

อะ... อา!” คนตัวเล็กพยักหน้าพร้อมแลบลิ้นออกมาเล็กน้อย เด็กหนุ่มจึงก้มลงไปจูบคนที่หันมาออดอ้อนก่อนจะงอนิ้วกระแทกเข้าไปในช่องทางด้านหลังเพื่อช่วยให้อีกฝ่ายไปถึงฝั่งฝันโดยเร็ว

คยองซูไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว ร่างกายของเขาบิดเร่าในอ้อมกอดคนตัวโตกว่าและรู้สึกได้ว่าเซฮุนกำลังจะทนไม่ไหวจากการตื่นตัวที่เป้ากางเกงซึ่งดันอยู่ด้านหลัง

คยองซู?

ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น

เด็กหนุ่มตัวสูงนิ่วหน้าขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กที่หน้าแดงก่ำเพราะอายกับการกระทำตนเอง คยองซูถอดกางเกงออกแล้วพลิกตัวหันเข้าหาคนที่เป็นทั้งน้องชายต่างแม่และคนที่เขารัก ก่อนจะขึ้นคร่อมและก้มหน้าก้มตาปลดเข็มขัดสีดำด้วยความขลาดอาย

ถ้านายบอกว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ผิดคยองซูเม้มริมฝีปากก่อนจะช้อนตามองสีหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความต้องการของอีกคนอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ...ก็ช่วยทำต่อให้จบโดยไม่ต้องพูดอะไรได้ไหม

...

ฉันจะทำให้นาย... ส่วนนายก็ทำให้ฉัน... โดยไม่ต้องเกินเลยกันมากไปกว่านี้

...

ถ้าทำอย่างนั้น... ได้ใช่ไหม?

คยองซูได้พูดเรื่องน่าอายที่สุดออกไปแล้ว เขารู้สึกร้อนทั้งใบหน้าและอายจนไม่กล้าสบตากันอีก แต่เซฮุนกลับเชยคางเขาให้หันมาสบตากัน พร้อมยิ้มบาง ๆ อย่างมีความสุขก่อนจะจูบเขาและบอกว่า

จำไว้นะคยองซู ไม่ว่าโอเซฮุนจะในฐานะอะไร ฉันก็จะรักนายอยู่ดี

...

และหวังว่าพรุ่งนี้และวันถัดไปนายก็จะรู้สึกกับฉันแบบนั้นเหมือนกัน



-------------------------------------------------

#exoficfest
-
GUESS WHO?
รู้ไหมว่าใครเขียน




4 ความคิดเห็น

  1. กราบค่ะ เขินเบอร์แรงมาก ><

    ตอบลบ
  2. กราบค่ะ เขินเบอร์แรงมาก ><

    ตอบลบ
  3. งืออออ ดีมากค่ะ ฟินมากกก อยากได้ภาคต่อ ไม่ก้เป็นเรื่องยาวเลยค่ะ

    ตอบลบ

© LUCKY ONE FIC FEST
Maira Gall